ยินดีต้อนรับเข้าสู่........เว็บไซต์อาหารเพื่อการบำบัดโรค
 


 

อาหารเพิ่มภูมิต้านทาน


1  อาหารที่ช่วยเพิ่มปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวและที-เซลล์
1.1  ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ อุดมไปด้วยวิตามินซี ไบโอฟลาโวนอยด์และสารพฤกษเคมี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
1.2  ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาวและเกรปฟรุต มีวิตามินซี ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค
1.3  ปลา มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และไขมันที่มีประโยชน์ ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดีขึ้นและช่วยให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.4  พริกหยวกสีแดง มีวิตามินซีเป็นสองเท่าของผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
1.5 โยเกิร์ต เป็นแหล่งของวิตามินดีและมีจุลินทรีย์มีชีวิตชนิดดี ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 
1.6  ชาเขียว เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระแคทิชิน และกรดอะมิโนที่มีชื่อว่า แอล-ธีอะนีน ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการสร้างสารประกอบที่ช่วยต่อสู้กับเชื้อโรคให้กับที-เซลล์
1.7  ขิง เปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะตามธรรมชาติและเป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอาการเจ็บคอและภาวะอักเสบต่างๆ
1.8  ขมิ้นชัน สมุนไพรที่เชื่อกันมานานว่าช่วยต่อต้านการอักเสบ สารเคอร์คูมินที่อยู่ภายในขมิ้นชันช่วยเพิ่มปริมาณและกระตุ้นการทำงานของที-เซลล์


2  เลือกสารอาหารเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เมื่อพูดถึงอาหารที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สิ่งแรกที่ทุกท่านนึกถึงก็น่าจะมีสารอาหารตัวหนึ่งผุดขึ้นมาในความคิด คือ วิตามินซี ซึ่งจริง ๆ
แล้วในแง่มุมทางด้านโภชนาการ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรค สารพิษและสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายต่อร่างกายนั้น คือการที่มีภาวะโภชนาการที่ดี ได้รับพลังงาน สารอาหารหลักทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และสารอาหารรองทั้งวิตามิน A, C, E, D, B6, B9 (โฟเลต), B12 และแร่ธาตุสังกะสี ซีลีเนียม เหล็ก ทองแดง แมกนีเซียม และแมงกานีส รวมทั้งดื่มน้ำสะอาด
ที่เพียงพอและสมดุลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการรับประทานอาหารให้ได้รับทั้งสารอาหารหลัก วิตามิน แร่ธาตุ
ดังกล่าวที่เพียงพอนั้น เราสามารถได้รับจากแหล่งอาหารจากธรรมชาติ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานในรูปแบบอาหารเสริมแต่อย่างใดเพราะยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่าวิตามิน
หรือแร่ธาตุตัวไหนจะป้องกันการติดเชื้อโคโรนาไวรัสได้แต่เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นภาพ
และเป็นแนวทางในการเลือกแหล่งอาหารที่ดีมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ขอหยิบยกสารอาหารตัวเด่น ๆ ที่บทบาทต่อภูมิต้านทาน ดังนี้ค่ะ
2.1  วิตามินซี ช่วยการทำงานของเม็ดเลือดขาวและช่วยกระบวนการทำลายเชื้อโรค โดยความต้องการต่อวันตามข้อกำหนดปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย พ.ศ.    2563 ในเด็กอายุ 1-8   ปี  ควรได้รับ 25-40 มิลลิกรัมต่อวัน ในเด็กและวัยรุ่นช่วงอายุ 9-18 ปี  ควรได้รับ 60-100 มิลลิกรัมต่อวัน และวัยผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 19   ปีขึ้นไป ควรได้รับ85-100 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งแหล่งวิตามินซีในอาหารจะอยู่ในผักและผลไม้เป็นส่วนใหญ่ดังที่แสดงในตารางที่ 1  จะเห็นว่าปริมาณการรับประทานต่อวันเพื่อให้ได้รับวิตามินซีที่เพียงพอก็สามารถทำได้จริงในทางปฏิบัติค่ะ
2.2  วิตามินเอ ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยแหล่งอาหารที่ดีที่ร่างกายสามารถดูดซึม
และใช้ประโยชน์ได้สูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง นม   ผลิตภัณฑ์จากนม และแหล่งอาหารรองลงมาจะได้จากพืช ได้แก่ ผักใบเขียวเข้ม ผักและผลไม้สีเหลืองและส้ม เช่น ตำลึง ผักบุ้ง แครอท ฟักทอง มันเทศสีเหลือง มะละกอสุก
2.3  สังกะสี มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน รวมทั้งควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่เป็นกลไกหลักในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ซึ่งแหล่งอาหารที่ดีเมื่อพิจารณาจากปริมาณและการดูดซึมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ได้แก่ เนื้อสัตว์และเครื่องใน
หอยนางรม สัตว์ปีกและปลา และที่รองลงมา ได้แก่ ไข่ นม
2.4  โปรตีน ช่วยสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันและสารภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ซึ่งโปรตีนที่มีคุณภาพดีมีกรดอะมิโนจำเป็นที่ครบถ้วน สามารถได้รับจากเนื้อสัตว์ ไข่   นม   (พร่องหรือขาดมันเนย) ชีส   (เลือกชนิดที่ไขมันต่ำ) เต้าหู้ ถั่วเหลือง สำหรับโปรตีนจากพืช เช่น    ถั่วต่าง ๆ เมล็ดพืชต่าง ๆ  สามารถเลือกรับประทานควบคู่กับแหล่งอาหารจากพืชอื่น ๆ  เพื่อเติมเต็มในส่วนของกรดอะมิโนจำเป็นที่โปรตีนจากพืชชนิดนั้น ๆ ไม่ครบถ้วน เช่น ถั่วเมล็ดแห้ง
(ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ) คู่กับถั่วเปลือกแข็งหรือเมล็ดพืช
2.5  ลินทรีย์สุขภาพ (โพรไบโอติกส์) และอาหารสำาหรับจุลินทรีย์สุขภาพ (พรีไบโอติกส์) ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย โดยแหล่งอาหารที่ดีที่มีจุลินทรีย์สุขภาพ ได้แก่ โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวที่ระบุไว้ว่ามีการเติมโพรไบโอติกส์ แต่ควรเลือกที่น้ำตาลต่ำ สำหรับอาหารสำหรับจุลินทรีย์สุขภาพ ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในแหล่งอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น    ธัญพืช ข้าวโอ๊ตถั่วเมล็ดแห้ง กล้วย หัวหอมใหญ่กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง เห็นแล้วใช่ไหมคะว่ากลุ่มอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของเรา ไม่ใช่อาหารที่ราคาแพงหรือหารับประทานได้ยากเลยผู้อ่านทุกท่านสามารถนำไปเป็นแนวทาง ในการเลือกโภชนาการที่เหมาะสมให้กับตัวเอง และที่สำคัญอย่าลืมว่าเราต้องรับประทานอาหารที่สะอาด กินร้อน
ช้อนตัวเอง ใช้ภาชนะที่สะอาด และล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง ร่วมกับการออกกำลังกาย
และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อทำร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เปรียบเสมือนสร้างป้อมปราการที่แข็งแรง พร้อมรับข้าศึกที่เรามองไม่เห็นได้อย่างแข็งแกร่งแน่นอนค่ะ

แบคทีเรีย เชื้อรา


3.  Zinc และ Vitamin c ผสานพลังงานเพิ่มภูมิคุ้มกัน
3.1  Zinc (ซิงค์) เสริมภูมิคุ้มกัน เพิ่มภูมิต้านทานให้แข็งแรง !! ระบบภูมิคุ้มกัน เรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) คือหนึ่งในกลไกป้องกันการติดเชื้อในร่างกายที่มีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งเปรียบเสมือนกองกำลังที่คอยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกายอย่างเช่น เชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา เป็นต้น หากร่างกายเรามีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงก็จะสามารถรับมือกับเชื้อโรคได้อย่างแม่นยำ
และคอยปกป้องร่างกายเราได้ดีขึ้นเมื่อต้องพบเจอเชื้อโรคที่แปลกปลอม ไม่ว่าจะเป็นเชื้อเดิมหรือเชื้อใหม่ๆ
ที่กลายพันธุ์ ดังนั้นถ้า “อยากมีสุขภาพที่ดีแข็งแรงก็ต้องเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ดีก่อนอยู่เสมอ” สังกะสี
หรือ ซิงค์ เป็นแร่ธาตุที่ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ จึงมีความจำเป็นที่ต้องได้รับเพิ่ม เพราะแร่ธาตุสังกะสีนั้นมีส่วนช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างปกติ และมีประสิทธิภาพช่วยควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย   รวมถึงกระตุ้นและเสริมสร้างการทำงานของเม็ดเลือดขาว ( T- Cell ) ให้มีความแข็งแรงและมีความสามารถต่อการปกป้องร่างกายให้พร้อมต่อสู้กับเชื้อโรค และมีการเคลื่อนไหวในการกำจัดเชื้อโรคได้เร็วขึ้น เพื่อช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสและสิ่งแปลกปลอม ไม่ให้ทำร้ายร่างกายได้ อันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อนั้นเอง นอกจากการช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานปกติ Zinc (ซิงค์) ยังมีบทบาทหน้าที่ในการทำงานของร่างกายในหลายด้าน
3.2  Vitamin C เสริมภูมิต้านทานเพื่อต่อต้านไวรัส เสริมภูมิต้านทาน ต่อต้านไวรัสด้วยพลังจากวิตามินซี (Vitamin C)  วิธีป้องกันตัวเองในการยับยั้งและป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 ของคนส่วนใหญ่ที่ทำกันตอนนี้
ก็คือ ล้างมือบ่อยขึ้น ใส่หน้ากากอนามัย ไม่ไปที่ชุมชนในที่แออัดหรือที่ชุมชน ซึ่งแท้ที่จริงเป็นการป้องกันจากภายนอกเท่านั้น แต่การดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคต่างๆ ที่ดีที่สุดต้องเริ่มจากภายใน และสิ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำก็คือ การสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ด้วยการรับประทาน วิตามินซี (Vitamin C)  วิตามินซี (Vitamin C) ช่วยต้านไวรัสได้อย่างไร
วิตามินซี (Vitamin C) เป็นสารอาหารที่สำคัญมากต่อร่างกาย มีคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในการช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน เพิ่มความแข็งแรงของเม็ดเลือดขาว ต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของความเสื่อม และการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์ และอวัยวะภายในร่างกายนอกจากนี้ยังทำให้เม็ดเลือดขาวสามารถกำจัดไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่ง
ขึ้นหน้าที่ของเม็ดเลือดขาวจะคอยต่อสู้และกำจัดเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย รวมถึงเชื้อไวรัส และเมื่อวิตามินซีเข้าไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเมล็ดเลือดขาวให้แข็งแรง เท่ากับว่าร่างกายของเราก็มีทหารที่เข้มแข็งคอยการกำจัดเชื้อโรคก็ทำได้ดียิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ ดังนั้นช่วงที่ไวรัส COVID-19 กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ นอกเหนือจากวิธีการป้องกันและดูแลพื้นฐานแล้ว การทานวิตามินซีทุกวันเป็นประจำ ถือเป็นทางลัดในการการช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้อีกทางหนึ่ง